loading...
มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วล่ะ หากใครมีลูกสาวแล้วพิ่งจะแต่งงานกับแฟนหนุ่มแล้วไปอยู่ที่อื่นคนเป็นแม่ย่อมเป็นห่วงธรรมดา เหมือนเรื่องราวของคุณแม่รายนี้ ที่เธอได้ออกมาพูดเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเธอ ซึ่งเป็นเรื่องของลูกสาวตัวเองที่ปิดบังเธอผู้เป็นแม่มาตลอด
ฉันเป็นคุณแม่วัยกลางคนที่ลูกสาวเพิ่งจะแต่งงาน ตั้งแต่ลูกสาวแต่งงาน ฉันก็เป็นห่วงเธอ มักจะโทรหาเธอบ่อยครั้ง และถามไถ่ทุกข์สุขเธอเสมอ อาจเป็นเพราะเธอเพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน จึงยังไม่มีเรื่องปวดหัว และฉันก็เห็นว่าลูกสาวมีความสุขดี จึงรู้สึกสบายใจแต่หารู้ไม่ว่าจริงๆแล้วลูกสาวกำลังปิดบังฉันอยู่ ฉันขอให้ลูกสาวกลับบ้านทุกสัปดาห์ เพราะฉันมีลูกสาวคนเดียว และฉันยังได้บอกลูกเขยเอาไว้ว่า หากมีหลานฉันจะขอเป็นฝ่ายเลี้ยงหลานเอง
พักหลังลูกเขยกับลูกสาวเริ่มไม่ค่อยกลับมาเยี่ยมบ้านแล้ว ฉันโทรไปถามทีไร พวกเขาก็มักบอกว่า ติดธุระจะขอผลัดไปเป็นอาทิตย์ต่อไปทุกที ปรากฏว่าพวกเขาก็ขอพลัดวันอีกในอาทิตย์ต่อมา ฉันจึงเริ่มกังวลใจ จึงคิดจะไปเยี่ยมพวกเขาที่บ้าน แต่พวกเขาก็มาหาพอดี
พวกเขายิ้มหัวเราะเดินเข้าบ้านมาอย่างมีความสุข ฉันถามว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาบอกว่า ติดธุระจึงไม่ได้กลับมาเยี่ยม ฉันก็ไม่ได้ติดใจอะไรนัก คืนนั้นพวกเขามาพักด้วยที่บ้าน ตกกลางคืนฉันเตรียมนมอุ่นๆไปให้ลูกก่อนนอน
ฉันเปิดประตูเข้าไปโดยที่ไม่ได้เคาะห้อง และพบว่า ลูกเขยกำลังทายาตามตัวให้กับลูกสาวอยู่ ทำให้ฉันรู้สึกตกใจ
ฉันเห็นรอยช้ำบนตัวลูกสาวจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกสาวจึงสารภาพว่าพวกเขาทะเลาะกัน และได้ทำร้ายร่างกายกัน
ฉันไม่คิดเลยว่าลูกเขยจะกล้าลงมือกับลูกสาว ฉันโมโหมากจึงให้ลูกเขยเซ็นสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายร่างกายของเธออีก มิเช่นนั้นจะต้องเลิกกับลูกสาวฉันทันที และลูกเขยรับปากว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก ฉันเองก็ไม่วางใจ ต่อไปคงจะเป็นห่วงเธอมากกว่าเดิมอีก และอาจจะต้องบอกเรื่องนี้ให้กับพ่อแม่ฝ่ายลูกเขยรับรู้ด้วย
เรื่องปัญหาครอบครัวหากเราใช้สตินึกคิดแก้ไขปัญหา มันน่าจะลงเอยด้วยดี ดีกว่าต้องมาใช้กำลังทุบตีกันและแก้ปัญหาสิบปีก็ไม่มีทางจะดีขึ้นหรอกหนา
loading...
ที่มา : zliekr.com
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น